NEWS

จิตวิญญาณ คัมภีร์แห่งความเร้นลับ "พระสูตรที่ 8" | Sabaidee Journey Quote EP 13

19 Mar 2021

พระสูตรที่ 8

 

“ในห้วงปีติหฤหรรษ์ยามได้ประสบพบมิตรผู้ห่างหายไปเนิ่นนาน จงซึมซ่านเข้าสู่ปีติภาวะนี้”

คัมภีร์แห่งความเร้นลับ/ ( the book of the secrets )

ว่าด้วยการทำสมาธิ 112 วิธีของพระศิวะ

 

จบชำแรกสู่ห้วงปีติหฤหรรษ์นี้และกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน จะเป็นความปีติยินดีหรือความสุขใดก็ได้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น” ในห้วงปีติหฤหรรษ์ ยามได้ประสบพบมิตรผู้ห่างหายไปเนิ่นนาน” จู่ๆเธอก็จะเจอะเจอมิตรสหายซึ่งมีได้พบปะหน้าค่าตากันมาหลายวันหรือหลายปี ความปีติยินดีอย่างฉับพลันจะแล่นเข้าเกาะกุมจิตใจเธอ ทว่าเธอจะมุ่งความใส่ใจที่มิตรสหาย มิใช่ความปีติยินดีของเธอเช่นนั้น เธอก็กำลังพลาดบางอย่าง และความปีติยินดีนี้จะคงอยู่ชั่วขณะ ความใส่ใจของเธอ จะเพ่งรวมอยู่ที่มิตรสหายเธอจะเริ่มโอภาปราศรัย ประหวัดถึงเรื่องราวต่างๆ และคลาดจากความปีติยินดีดังกล่าว ความปีติยินดีที่ว่านี้จะปลาสนาการไป

 

ยามเธอปะหน้ามิตรสหายแล้วรู้สึกถึงความปีติหฤหรรษ์ที่ผุดขึ้นในดวงใจเธออย่างฉับพลัน จงสำรวมใจอยู่ที่ความปีติหฤหรรษ์ดังกล่าว ให้รู้สึกและกลับกลายเป็นสิ่งนี้ จงเสวนากับมิตรสหายขณะที่คงความตระหนักรู้และถั่งท้นด้วยความปีติหฤหรรษ์ของเธอ ปล่อยให้มิตรสหายคงอยู่เฉพาะขอบนอก ส่วนตัวเธอยังคงเพ่งตรึงจึงอยู่ในห้วงสุขารมณ์เช่นนั้นสืบไป

 

สิ่งนี้สามารถกระทำได้ในสภาพการณ์อื่นๆ อีกมากมาย ดวงตะวันกำลังผุดลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า และฉับพลันทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงบางสิ่งกำลังผุดลอยขึ้นในตัวเธอ เมื่อนั้น จงลืมดวงตะวันเสียปล่อยให้มันคงอยู่ที่ขอบนอก ส่วนเธอให้ตั้งมันจดจ่ออยู่ในความรู้สึกของพลังที่ผุดขึ้นของเธอเอง ชั่วพริบตาที่เธอเพ่งมองมันมันจะค่อยๆ แผ่ลามออกไป กลับกลายเป็นร่างกายทั้งหมดของเธอ เป็นภาวะทั้งมวลของเธอ อย่าได้เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ จงผนวกรวมเข้ากับมัน ชั่วขณะที่เธอรู้สึกเบิกบาน เป็นสุขสำราญล้นเหลือนั้นแสนจะมีอยู่น้อยนิด ทว่าเธอก็ยังคงหลงคลาดจากมันอยู่ร่ำไปเพราะเหตุว่าเธอมีวัตถุแห่งอารมณ์เป็นที่ตั้ง

 

ยามใดก็ตามที่มีความปีติยินดี เธอจะรู้สึกว่ามันมาจากภายนอก เธอได้พบมิตรสหาย ซึ่งแน่ละ มันดูเหมือนว่าความปีติยินดีจะมาจากมิตรสหายของเธอ จากการได้พบเห็นเรา นั่นหาใช่เหตุผลที่แท้ไม่ ความปีติยินดีคงอยู่ภายในตัวเธอเสมอ มิตรสหายนั้นเป็นเพียงสภาพการณ์เท่านั้น มิตรสหายช่วยให้มันเผยตัวออกมา ช่วยให้เธอแลเห็นว่ามันอยู่ที่นั่น และสภาพดังกล่าวมิได้เป็นเฉพาะกับความปีติยินดี ทว่าเป็นกับทุกสิ่งสรรพ กับโทสะความเศร้าสลด ทุกขเวทนา ความสุข กับทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นเช่นนั้นทั้งสิ้น บุคคลอื่นๆเป็นเพียงสภาพการณ์ซึ่งสำแดงออกถึงสิ่งต่างๆ ที่แฝงเร้นในตัวเธอ พวกเขามิใช่มูลเหตุ มิใช่ตัวการทำให้เกิด สิ่งนั้นสิ่งนี้ในตัวเธอ สิ่งใดก็ตามที่อุบัติขึ้นล้วนอุบัติขึ้นแก่เธอ มันคงอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด เพียงแต่ว่าการพานพบมิตรสหายนี้ กลายเป็นสภาพการณ์ซึ่งทำให้สิ่งใดก็ตามที่แฝงหลบอยู่ได้ปรากฏออกมาในที่แจ้ง ได้สำแดงตนออกมา จากแหล่งกบดาน มันปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ยามใดที่สิ่งนี้มันเกิดขึ้น จงกำหนดเพ่งอยู่ในความรู้สึกด้านในอย่างไม่ลดละ ครั้นแล้วเธอจะมีทรรศนะที่เปลี่ยนไปต่อทุกสิ่งสรรพในชีวิต

 

แม้กับอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ ก็จงกระทำเช่นนี้ ยามที่เธอบันดาลโทสะ จงอย่ากำหนดเพ่งต่อบุคคลที่ปลูกเร้ามันขึ้น ปล่อยเขาทิ้งไว้ที่ขอบนอกนั่นแหละ ให้เธอกลับกลายเป็นโทสะเสีย จงรู้สึกถึงโทสะอย่างพร้อมสรรพ ปล่อยให้มันปรากฏขึ้นที่ภายใน จงอย่าอธิบายด้วยเหตุผล อย่ากล่าวว่าบุคคลผู้นี้ได้สร้างสิ่งนี้ขึ้น อย่าก่นประฌามคน เขาเป็นเพียงสภาพการณ์เท่านั้น จงรู้สึกขอบคุณเขาที่ช่วยให้บางสิ่งซึ่งถูกเก็บงำไว้ได้รับการเปิดเผย เขาตีกระทบถูกเธอตรงบางจุดซึ่งมีบาดแผลซ่อนอยู่ บัดนี้ เธอรู้จักมันดีแล้ว ฉะนั้น จงกลายเป็นบาดแผลเสีย

 

ไม่ว่าด้านลบหรือด้านบวก กับอารมณ์ความรู้สึกใดก็ตาม จงช่วงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในตัวเธอ หากอารมณ์ความรู้สึกเป็นลบ เธอจะหลุดพ้นเป็นไทจากมันโดยการตระหนักว่ามันคงอยู่ในตัวเธอ หากอารมณ์ความรู้สึกเป็นบวก เธอจะกลับกลายเป็นอารมณ์ความรู้สึกนั้นเสียเอง หากมันเป็นความปีติ เธอจะกลายเป็นความปีติ หากมันเป็นโทสะโทสะก็จะสูญสลายไป

 

และนี่ก็คือข้อแตกต่างระหว่างอารมณ์ความรู้สึกด้านลบและด้านบวก หากเธอตระหนักรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง และด้วยความตระหนักรู้ของเธอ ส่งผลให้อารมณ์ความรู้สึกสูญสลายไป นั่นก็คือด้านลบ หากเพราะการตระหนักถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอ ส่งผลให้เธอกลับกลายเป็นอารมณ์ความรู้สึกนั้น หากอารมณ์ความรู้สึกนั้นแผ่ขยายแล้วกลับกลายเป็นภาวะของเธอนั่นก็คือด้านบวก ความตระหนักรู้แสดงบทบาทต่างกันไปในทั้งสองกรณี หากเป็นอารมณ์ความรู้สึกในทางอกุศล เธอจะถูกปลดเปลื้องจากมันด้วยความตระหนักรู้ หากมันเป็นสิ่งดีงาม เป็นความสุขสราญ เป็นความดื่มด่ำเคลิบเคลิ้ม เธอจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน ความตระหนักรู้จะยิ่งเพิ่มพูนความรู้ลึกซึ้งแก่มัน

 

ฉะนั้น สิ่งนี้ก็คือบรรทัดฐาน หากบางสิ่งยิ่งทวีความลึกซึ้ง ด้วยความตระหนักรู้ของเธอ นั่นก็คือสิ่งดีงามหากบางสิ่งสูญสลายไปด้วยความตระหนักรู้ นั่นคือสิ่งเลวร้าย บรรดาสิ่งที่ไม่สามารถคงอยู่ในความตระหนักรู้ก็คือบาป ส่วนสิ่งที่งอกงามในความตระหนักรู้ก็คือบุญ บุญและบาปหาใช่แนวคิดทางสังคมไม่สิ่งเหล่านี้คือสำนึกอันถ่องแท้ด้านใน

 

จงช่วงใช้ความตระหนักรู้ของเธอ มันก็คล้ายดั่งมีความมืดมิดปกคลุมอยู่ แล้วเธอนำแสงสว่างเข้ามาความมืดมิดจะไม่คงอยู่อีกต่อไป โดยแค่ชักนำแสงสว่างเข้ามา ความมืดมิดก็หายไปจากจุดนั้นเพราะแท้ที่จริง มันหาได้มีอยู่ไม่ มันคือสภาพลบ เป็นเพียงการขาดหายไปของแสงสว่างเท่านั้น ทว่าหลายๆ สิ่งที่คงอยู่ที่นั่นจะปรากฏให้เห็นชัด โดยแค่ชักนำแสงสว่างเข้ามา ชั้นวางของเหล่านี้หนังสือเหล่านี้ ผนังเหล่านี้ ก็จะไม่หายไปไหน ในความมืดมิด สิ่งเหล่านี้ไม่ปรากฏอยู่ เธอไม่อาจแลเห็นมันได้ หากเธอนำแสงสว่างเข้ามาความมืดมิดจะไม่คงอยู่อีกต่อไป ทว่าบรรดาสิ่งที่มีอยู่จริงจะสำแดงตัวออกมา ความตระหนักรู้จะยังผลให้ สิ่งที่เป็นด้านลบทั้งปวง เช่นความมืดมิด ความอาฆาตชิงชัง โทสะ ความโทมนัสโศกเศร้า ความรุนแรงสูญสลายไป ครั้นแล้ว ความรัก ความเบิกบาน ความปีติ เคลิบเคลิ้ม สิ่งเหล่านี้จะอวดโฉมแก่เธอเป็นครั้งแรก ฉะนั้น “ในห้วงปีติหฤหรรษ์ยามได้ประสบ พบมิตรผู้ห่างหายไปเนิ่นนาน จนซึมซ่ามเข้าสู่ปีติภาวะนี้”

 

โปรดติดตาม พระสูตรต่อไป ที่นี่

คัมภีร์แห่งความเร้นลับ 3

The book of the secrets 

 ( หน้า 25-28)

Sabaidee Journey Quote No.13

#sabaideejourneyquote

............................................................................................

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดตามที่
Facebook Group : Sabaidee Spiritual
.
https://web.facebook.com/groups/496920240982782/
.
ติดตามเราได้ตามช่องทางต่างๆ
Website : http://sabaideesuccess.com/
Youtube Chanel : https://www.youtube.com/channel/UCJvjDwHutZkoTTeR-6XG7xw
Facebook Fanpage : fb.me/SabaideeSuccess